การตรวจการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี

ความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อ Human Papillomavirus (HPV) และความสำคัญของการตรวจคัดกรอง
Human Papillomavirus (HPV) เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสทางผิวหนังหรือการมีเพศสัมพันธ์ และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งนับเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงไทย
ข้อมูลทางระบาดวิทยาพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ได้แสดงอาการในระยะเริ่มต้น และมักเข้ารับการตรวจรักษาในระยะที่โรคลุกลามแล้ว ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญ
การติดเชื้อ HPV: การแพร่กระจายและการดำเนินโรค
การติดเชื้อ HPV มักเกิดจากการสัมผัสกับผิวหนังหรือเยื่อบุที่มีเชื้อไวรัส โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ทวารหนัก หรือช่องปาก การติดเชื้อสามารถเกิดได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย และสามารถพบได้ในทุกช่วงวัย
ในหลายกรณี ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถกำจัดเชื้อ HPV ได้เองภายในระยะเวลา 1–5 ปีโดยไม่มีอาการ อย่างไรก็ตาม หากเชื้อยังคงอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ และกลายเป็นมะเร็งในที่สุด โดยเฉพาะในบริเวณปากมดลูก
ความหลากหลายของสายพันธุ์ HPV และระดับความเสี่ยง
HPV มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่มีเพียงบางสายพันธุ์เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับการก่อโรคในมนุษย์ โดยสามารถจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่:
กลุ่มความเสี่ยงสูง (High-risk HPV)
สายพันธุ์ในกลุ่มนี้มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งช่องคลอด ทวารหนัก และช่องปาก ตัวอย่างของสายพันธุ์ที่พบได้บ่อย ได้แก่
HPV 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในประมาณ 70% ของผู้ป่วยทั้งหมด
สายพันธุ์อื่นที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่:
26, 31, 32, 33, 34, 35, 39, 45, 51, 52, 53, 54, 55, 56, 57, 58, 59, 62, 66, 68, 69, 73, 82/MM, 82/IS, 84, 89
กลุ่มความเสี่ยงต่ำ (Low-risk HPV)
สายพันธุ์ในกลุ่มนี้ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่สามารถทำให้เกิดรอยโรคที่ไม่รุนแรง เช่น หูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV 6 และ 11 ซึ่งพบว่าเป็นสาเหตุของหูดในลักษณะนี้มากถึง 90%
สายพันธุ์อื่นที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่:
40, 42, 43, 44, 61, 70, 71, 72, 81, 83
ความสำคัญของการตรวจคัดกรอง HPV
การตรวจหาเชื้อ HPV เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะในช่วงวัยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งการตรวจสามารถทำได้ควบคู่กับการตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
นอกจากนี้ ในปัจจุบันห้องปฏิบัติการหลายแห่ง รวมถึงห้องแล็บของเรา ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถตรวจคัดกรองเชื้อ HPV ได้ถึง 40 สายพันธุ์ ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ ช่วยให้การประเมินความเสี่ยงของผู้รับบริการมีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
สรุป
การติดเชื้อ HPV เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย แม้ว่าบางรายอาจหายได้เองโดยไม่แสดงอาการ แต่ในกรณีที่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งในอนาคต การตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและลดความรุนแรงของโรค
การให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงของเชื้อ HPV และแนวทางในการตรวจคัดกรองอย่างเหมาะสม จึงเป็นแนวทางสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนในระยะยาว